ชิ้นงานที่ 9
เทคนิคการนำเสนอ แนวคิคเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ งานโฆษณา
ในการสร้างสรรค์ผลงานให้ประสบความสำเร็จ
หลักการสร้างสื่อ เพื่อการนำเสนอผลงานที่ดี
ตัวอย่างกรณีศึกษา สื่อไตเติ้ลรายการ Title
ศิลปะในการนำเสนอไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่มุมกล้องการจัดเสนอที่สวยงาม สื่ออารมณ์ และความมายตามที่ผู้ผลิต รายการต้องการเท่านั้น ยังมีศิลปะของการนำเสนออีกรูปแบบหนึ่งที่ทุกรายการจะขาดไม่ได้ นั้นคือ ส่วนที่เรียกว่าเป็น ส่วนประกอบรายการ อันได้แก่ ไตเติ้ล ตตัวอย่างรายการ อินเตอร์ลูคหรือดีซีน และทัศนรายการ
ไตเติ้ล คือส่วนประกอบรายการโทรทัศน์ ที่ทำหน้าที่บอกชื่อรายการโดยปกติจะอยู่ ในส่วนทายสุดของรายการ
1. รูปแบบการนำเสนอ
2. ลักษณะของภาพ
3. ทัศนสารที่ใช้สร้างเรื่อง
4. ตัวอักษรชื่อรายการ
5. ลำดับการนำเสนอ
6. การใช้เสียง
7. ความยาว
8. ลีลา
1.รูปแบบการนำเสนอไตเติ้ลรายการ คือ วิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพที่ปรากฎในไตเติ้ลรายการ
1.1 การใช้ชื่อรายการ มีการใช้เฉพาะ ชื่อรายการเท่านั้นในการนำเสนอ โดยปราศจากภาพที่จะช่วยขยายความหรือเล่าเรื่อง
1.2 การใช้สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ เป็ฯสิ่งที่ใช้แทนความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
1.3 การนำเสนอบุคคล การนำเสนอบุคคลในไตเติ้ล รายการมี 3 ลักษณะ คือ การแนะนำผู้ดำเนินรายการหรือพิธีกร การแนะนำนักแสดง และการนำเสนอแขกรับเชิญ
1.4 การใช้ภาพแสดงเนื้อหา ภาพแสดงเนื้อหาที่ใช้เป็นรูปแบบการนำเสนอไตเติ้ล ทำให้ผู้ชมทราบได้เป็นอย่างดี
1.5 การสร้างโครงเรื่อง โดยปกติแล้วโครงเรื่องเป็ฯส่วนประกอบสำคัญของการเล่าเรื่องเป็ฯรูปแบบละคร
2. ลักษณะของภาพไตเติ้ลรายการที่ดี
2.1 ชนิดภาพ มีการสร้างสรรค์ภาพโดยใช้ภาพที่ถ่ายจริง มักเป็นไตเติ้ล
2.2 มุมมองภาพ ที่ปรากฎ มักเป็นภาพประเภท
- Simple shot คือ เป็นภาพที่มีเพียงวัตถุเท่านั้นที่เคลื่อนไหว
- Developing shot คือ เป็นภาพที่ประกอบขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเลนส์
- Complex shot คือ เป็นภาพประกอบขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเลนส์ (ซูมเข้า-ซูมออก หรือเปลี่ยนระยะชัด)
2.3 ลำดับภาพ คือ วิธีการเรียงร้อยภาพเข้าไว้ด้วยกันเพื่อการสื่อสารไปยังผู้ชม
- การตัดภาพ คือ เป็นการนำเสนอภาพหนึ่งไปต่อท้ายอีกภาพหนึ่ง
- การจางซ้อนภาพ คือ เป็นการนำเสนอภาพหนึ่ง ไปเชื่อมทั้งภาพหนึ่ง โดยที่ในช่วงการเชื่อมต่อ ช่วงท้ายของภาพแรกค่อย ๆ จางหาย
- การกวาดภาพ คือ เป็นการนำเสนอภาพหนึ่งไปเชื่อมกับอีกภาพหนึ่ง โดยช่วงการเชื่อมต่อยังคงเห็นทั้งสองภาพ มีความชัดเท่านั้น
3.ทัศนสารที่ใช้สร้างเรื่อง ได้แก่ พื้นที่ เส้น รูปร่าง ความเข้มสี สี การเคลื่อนไหว และจังหวะ
3.1 พื้นที่ การใช้พื้นหลังให้เป็นสามมิติ
3.2 เส้น ปรากฎอยู่ในทุกส่วนของภาพ เพราะเมื่อมีความแตกต่างของความเข้มสีหรือสีตัดกันอย่างชัดเจน เส้นจะพบเห็นในไตเติ้ล
3.3 รูปร่าง การใช้รูปร่างพื้นฐาน ได้แก่ วงกลม สี่เหลี่ยม และสามเหลี่ยม สำหรับรูปร่างพื้นฐาน สองมิติ และทรงกลม ลูกบาศก์
3.4 สีและความเข้มสี สีแต่ละสีให้อารมณ์
สีแดง ตื่นเต้นเร้าใจ
สีเหลือง ดูสดใส ศักดิ์สิทธิ์
สีน้ำเงิน หนักแน่นมีราคา
สีฟ้า ให้ความสุขสบาย โปร่ง
สีเขียว ความรุ้สึกสดชื่น
สีม่วง มีเสน่ห์ ลึกลับ
สีชมพู รู้สึกนุ่มนวล
สีสันหลากหลาย สดใส สนุกสนาน
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553
ชิ้นงานที่ 6 โฆษณาการแสดงคอนเสิร์ตของ1 ศิลปินเพลง


2.ข้อมูลเบื้องต้น
“เกิร์ลลี่ เบอร์รี่”
เผยที่มาแห่งความเซ็กซี่ “เรียลลิตี้”เรียกได้ว่าเป็นสาวๆที่เกาะกระแสอินเทรนด์ได้จริงๆสำหรับ 4 สาว “GIRLY BERRY” (เกิร์ลลี่ เบอร์รี่) ซึ่งประกอบไปด้วย “กิ๊ฟซ่า, กิ๊บซี่, แนนนี่ และ เบลล์” ภายใต้การดูแลของค่าย “เมโลดีก้า” บริษัทในเครืออาร์เอสฯ ที่ล่าสุด ออกอัลบั้ม “Reality” (เรียลลิตี้) ซึ่งชื่ออัลบั้ม ก็ไปตรงกับความนิยมของหมู่วัยรุ่นอย่างพอดิบพอดี ทำเอา “ทีมข่าวบันเทิง” ถึงกับอย่างรู้ถึงที่มาที่ไปของชื่อ “Reality” (เรียลลิตี้) นี้ ซึ่งทั้ง 4 สาวก็ได้เล่าให้ฟังว่า“คนส่วนมากจะมอง “GIRLY BERRY” (เกิร์ลลี่ เบอร์รี่) เป็นสาวที่ทันยุคทันสมัย อย่างอัลบั้มที่แล้ว เราก็ใช้ชื่ออัลบั้มว่า “Gossip”
(กอสซิป) เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ “ปาปารัสซี่” ครองเมืองมากๆ พอมาถึงอัลบั้มนี้ เราก็ยังคงความทันยุคทันสมัยอยู่ ก็เลยคิดกันว่า น่าจะใช้ชื่อว่า “Reality” (เรียลลิตี้) เพราะในทุกวันนี้ หันไปทางไหน ส่วนมากก็จะเห็นแต่คำว่า “Reality” (เรียลลิตี้) เราก็เลยอยากให้หลายๆคนเห็นการทำงานของพวกเราบ้าง ตั้งแต่การคิดคอนเซ็ปต์อัลบั้ม เสื้อผ้า เบื้องหลังการทำงาน เบื้องหลังมิวสิกวีดีโอ มันจะทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น แฟนเพลงบางคนติดตามเรามาตั้งแต่อัลบั้มแรก แต่ยังไม่เคยได้เห็นการทำงานของเรา เราก็เลยใช้โอกาสนี้สร้างความใกล้ชิด จะได้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานของพวกเรา และยังมีอีกหลายๆภาพ ที่ทุกคนไม่สามารถจะหาดูที่ไหนได้ รับรองว่าจะต้องถูกใจทุกคนแน่ๆค่ะ”
3.กลุ่มเป้าหมาย
4.Concept
: สวย

: สั้น

: สนุก

5.Mod&tone
: เร้าใจ

: สนุกสนาน

: เซ็กซี่

(PROJECT 2) สื่อป้ายโฆษณา
งานครั้งที่ 6 ตัวอย่างกรณีศึกษา สื่อป้ายโฆษณาบนเว็บ ( web Banner )คือรูปแบบหนึ่งของโฆษณาบนเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นการวางภาพโฆษณาลงบนหน้าเว็บแล้วทำลิงค์ กลับไปยังเว็บไซต์ที่โฆษณา ด้วยจุดประสงค์เพื่อดึงดูด ผู้เข้าชมให้เข้าไปยังเว็บ ไซต์ที่โฆษณานั้นผ่านการคลิก เว็บแบนเนอส์ สร้างขึ้นจากไฟล์รูปภาพ ทั้วไปเช่น GIF JPG PNG หรือใช้จาวาสคริปส์ เชื่อมโยงเทคโนโลยีมัลติมีเดียอย่างอื่น เช่น แฟลช ข้อความ จาวา หรือซิลเวอร์ไลต์ เป็นต้น และอาจมีการใช้ภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือวีดีโอ มาผสมผสานเพื่อนำเสนอโดดเด่นมากที่สุด
การสร้างสรรค์ผลงาน
เนื้อหาที่ต้องการสื่อในเว็บแบนเนอส์ ก็คล้ายกับป้ายโฆษณาในชีวิตจริง คือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้ลูกค้า หรือคนอื่นทั่วไปพบว่ามีสินค้าหรือบริการอะไรในปัจจุบัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
ขนาดแบนเนอร์ ที่เป็นที่นิยม
728*90 Pixel : Leader board
เป็นแบนเนอร์ขนาดนิยม ขนาดใหม่ สามารถแสดงข้อมูลสินค้าและบริการได้มาก
ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
ด้านบนถัดลงมา
องค์ประกอบที่ใช้ในการออกแบบแบนเนอร์ มี 6 ชนิด ได้แก่
1. พาดหัว
2. ข้อความโฆษณา
3. ภาพประกอบ
4. สัญลักษณ์ของผู้โฆษณา
5. สี
6. การเคลื่อนไหวและการใช้เสียงประกอบ
หลักการออกแบบแบนเนอร์ที่ดีได้แก่
1. ตัวอักษร
* ขนาดและสัดส่วน ที่เหมาะสม โดยประมาณ
พาดหัว 48 pt
ข้อความ 32 pt
*รูปแบบเหมาะสมสอดคล้องกับบุคลิก(mood & tone )
* รูปแบบไม่ควรเกิน 2-3 แบบ
2. สัญลักษณ์
* ควรกำหนดขนาดให้เด่นหรือด้อย
3. ภาพประกอบ
*ควรใช้ภาพกราฟิก ในการออกแบบมากกว่าภาพถ่าย เนื่องจาก ขนาดของไฟล์ ของภาพลายเส้น (GIF) เล็กกว่าโหลดได้เร็วกว่ากับโฆษณา
4. สี
* ระบุค่าสีในระบบ RGB 216 สี
* พื้นหลังและตัวอักษรควรใช้สีตัดกันให้เด่นชัด
* จับคู่สีให้เหมาะสม ไม่ควรเกิน 2-3 สี
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ชิ้นงานที่ 1
ชิ้นงานที่ 1
ปช.416 คอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนองานนิเทศสาสตร์
การออกแบบนำเสนอ
-ภาพนิ่ง
-ภาพถ่าย
-ภาพคล้ายจริงโดยการตกแต่งให้เหมือนจริง
-ภาพประกอก เน้นการทำพวกเส้นลาย ลายเส้น
สารสนเทศ คือ infomation สื่อข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
สื่อ it ได้แก่
ปช.416 คอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนองานนิเทศสาสตร์
การออกแบบนำเสนอ
-ภาพนิ่ง
-ภาพถ่าย
-ภาพคล้ายจริงโดยการตกแต่งให้เหมือนจริง
-ภาพประกอก เน้นการทำพวกเส้นลาย ลายเส้น
สารสนเทศ คือ infomation สื่อข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
สื่อ it ได้แก่
1.ภาพนิ่ง
2.ภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ชิ้นงานที่ 3
1. การปรับแต่งภาพกราฟิก
ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป็นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า ไฟล์ภาพแบบ "บิทแมพ" (Bitmap) คุณสมบัติทีสำคัญของไหล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสี ขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า "พิกเซล" (Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตาราง เนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ การปรับภาพให้คมชัด (Unsharp Mask) Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่สมจริงเลือกคำสั่ง Filter>sharpen>Unsharp Mask การใช้ Filter Gallery เปนเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่กราฟิกให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งอ๊อฟชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จะช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์พิเศษที่จ้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก
การเปิด Dry Brush ทำได้ 2 วิธี คือ
1. เปิดจากคำสั่ง Filter>Filter Gallery กรณีนี้ฟิลเตอร์ชุดเดิม ที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา
2. เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Filter Gallery เช่น Filter>Artistic>Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลังงานนั้นคณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่ม
2. การตัดต่อและตกแต่งภาพหราฟิก
เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลาย ๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวแรกของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมอยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิกเมาส์ค้างๆว็ ก็จะปรากฎเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา Elliptical Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ Single Row Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน Single Column Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวั้งย้ายส่วนของภาพ เมื่อเลือกส่วนของภาพได้แล้ว เราจำเป็นที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายส่วนของภาพนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องมือ Move Tool สำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลกเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทั้งในตำแหน่งที่ต้องการเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วยเครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือชุดนี้ จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัว ด้วยกัน คือ Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้ง ก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งไปได้ Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุดไปเรื่อย ๆ ด้วยการคลิกเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิกที่จุดต่อ ๆ ไป จนแนวเส้นที่คลิกมาบรรจบกันอีกครั้ง Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเช้กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิกเมาส์ที่จุดแรกแล้วปล่อย จากนั้นลากเมาสืไปเรื่อย ๆ ให้ใกลกับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล้ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว
3. การใช้งานเลเยอร์
เป็นเหมือนการวางแผ่นใส่ ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ดดยแต่ละแผ่นใส เปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอรื บริเวณของเลเยอรืที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยุ่ข้่งล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์ และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ ง่าย การใช้งาน Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอรทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อบู่บนสุดไปจนถึงเลเยอรืที่อยู่ล่างสุด มี Scoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อดูเลเยอรืต่าง ๆ แต่ละเลเยอรืจะมีชื่อของเลเยอร์นั้น ๆ อยู่ นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window>Show Layers ที่แถบเมนู Active Layer ในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้ประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers Palette จะปรากฎเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฎอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่น แสดงวากำลังทำการปรับแต่ลเลเยอร์อยู่หรือเป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น การเปลี่ยนการทำงานไปในเลเยอร์ต่าง ๆ เราสามารถเรียกเลเยอรืใดทำงานได้ โดยการเลื่อนเมาส์ ไปที่เลเยอร์ที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูป และ Click Mousr ที่แถบของเลเยอร์นั้น เลเยอร์นี้นจะกลายเป็น Active Layer โดยทันที การซ่อนการแสดงเลเยอร์ภาพ ภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอรืหลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ ไม่ให้มองเห็นก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยที่ไม่ได้ลลเลเยอร์นั้นทิ้ง
เราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย
1. ซ่อนเลเยอรืโดย Click mouse เพื่อซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น
2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป
3. แสดงเลเยอร์โดย Click mouse อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ ชอ่งสถานะจะเปลี่ยนเป็นกลับมา
4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Moshroom จะปรากฎขึ้นอีกครั้ง
5. ซ่อนและแสดงหลาย ๆ เลเยอรืพร้อมกัน โดยการ Drag mouse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่าง ๆ
6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป
4. การวาดภาพและระบายสี
การใช้ Brush Tool
1. เสือกสีของพู่กัน
2. เลือกขนาดและลักษณะของหัวพู่กัน
3. กำหนดอ๊อฟชั่นต่าง ๆ (โดยการใช้ F5)
4. คลิกภาพวาดตามที่ต้องการ
ส่วนการใช้ Pencil ก็มีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกับ Brush Tool โดยใช้คิำสั่ง Paint Bucket Tool
1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี
2. Click Mouse ที่ไอคอน
3. Click Mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม
4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย การไล่โทนสีภาพโดยใช้คำสั่ง Gradient Tool
การใช้คำสั่ง Gradient Tool
1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม
2. Click Mouse ที่ไอคอน Gradient Tool
3. Click Mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar
4. Drag Mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่เราต้องการแล้วปล่อยเมาส์ จุดที่เริ่มกดเมาส์
ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น จุดที่ปล่อยเมาส์ถือว่าเป็นจุดปลาย
การแสดงการไล่สี มี 5 รูปแบบ
1. Unear Gradtent Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง
2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม
3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดจามการหมุนของเข็มนาฬิกา
4 Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน
5. Diamond gradient การไล่โทสีแบบประกายแสงของเพชร
5. การสร้างตัวอักษรและข้อความ
การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอักษรศิลปืก็คล้ายกับการพิมพ์ลงในโปรแกรม Word หรือ Excel นั้นแหละ มีการกำหนดฟอนด์อักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อมความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มเปิดไฟลืภาพที่เคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ สังเกตที่มุมขวามือล่างที่พาเล็ต Leyer จะเกิด Leyer ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัวคลิกที่ภาพเมาสืจะกลายเป็นรูเคอเซอร์กระพริบ ให้พิมพ์ตัวอักษรลงไปอะไรก็ได้ ถ้าจะปลี่ยนขนิดตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนด์ตัวอักษณและอื่น ๆ ได้ที่แถบอ๊อฟชั่นบาร์ ด้านบนต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style จามที่ต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ Edit>Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษรเมาส์จะเป็นรูปที่๕ลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากรอบพอประมาณ เมาสืจะกลายเป็นรูป คลิกเมาสืค้างไว้แล้วหมุนกำหนดเอฟเฟ็คต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ตรงที่เราพิมพืข้อความลงไป ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือก พาเล้ต Style เลือกรุปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติม ให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ
ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป็นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า ไฟล์ภาพแบบ "บิทแมพ" (Bitmap) คุณสมบัติทีสำคัญของไหล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสี ขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า "พิกเซล" (Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตาราง เนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ การปรับภาพให้คมชัด (Unsharp Mask) Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่สมจริงเลือกคำสั่ง Filter>sharpen>Unsharp Mask การใช้ Filter Gallery เปนเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่กราฟิกให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งอ๊อฟชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จะช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์พิเศษที่จ้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก
การเปิด Dry Brush ทำได้ 2 วิธี คือ
1. เปิดจากคำสั่ง Filter>Filter Gallery กรณีนี้ฟิลเตอร์ชุดเดิม ที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา
2. เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Filter Gallery เช่น Filter>Artistic>Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลังงานนั้นคณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่ม
2. การตัดต่อและตกแต่งภาพหราฟิก
เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลาย ๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวแรกของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมอยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิกเมาส์ค้างๆว็ ก็จะปรากฎเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา Elliptical Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ Single Row Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน Single Column Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวั้งย้ายส่วนของภาพ เมื่อเลือกส่วนของภาพได้แล้ว เราจำเป็นที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายส่วนของภาพนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องมือ Move Tool สำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลกเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทั้งในตำแหน่งที่ต้องการเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วยเครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือชุดนี้ จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัว ด้วยกัน คือ Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้ง ก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งไปได้ Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุดไปเรื่อย ๆ ด้วยการคลิกเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิกที่จุดต่อ ๆ ไป จนแนวเส้นที่คลิกมาบรรจบกันอีกครั้ง Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเช้กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิกเมาส์ที่จุดแรกแล้วปล่อย จากนั้นลากเมาสืไปเรื่อย ๆ ให้ใกลกับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล้ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว
3. การใช้งานเลเยอร์
เป็นเหมือนการวางแผ่นใส่ ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ดดยแต่ละแผ่นใส เปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอรื บริเวณของเลเยอรืที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยุ่ข้่งล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์ และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ ง่าย การใช้งาน Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอรทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อบู่บนสุดไปจนถึงเลเยอรืที่อยู่ล่างสุด มี Scoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อดูเลเยอรืต่าง ๆ แต่ละเลเยอรืจะมีชื่อของเลเยอร์นั้น ๆ อยู่ นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window>Show Layers ที่แถบเมนู Active Layer ในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้ประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers Palette จะปรากฎเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฎอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่น แสดงวากำลังทำการปรับแต่ลเลเยอร์อยู่หรือเป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น การเปลี่ยนการทำงานไปในเลเยอร์ต่าง ๆ เราสามารถเรียกเลเยอรืใดทำงานได้ โดยการเลื่อนเมาส์ ไปที่เลเยอร์ที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูป และ Click Mousr ที่แถบของเลเยอร์นั้น เลเยอร์นี้นจะกลายเป็น Active Layer โดยทันที การซ่อนการแสดงเลเยอร์ภาพ ภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอรืหลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ ไม่ให้มองเห็นก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยที่ไม่ได้ลลเลเยอร์นั้นทิ้ง
เราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย
1. ซ่อนเลเยอรืโดย Click mouse เพื่อซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น
2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป
3. แสดงเลเยอร์โดย Click mouse อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ ชอ่งสถานะจะเปลี่ยนเป็นกลับมา
4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Moshroom จะปรากฎขึ้นอีกครั้ง
5. ซ่อนและแสดงหลาย ๆ เลเยอรืพร้อมกัน โดยการ Drag mouse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่าง ๆ
6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป
4. การวาดภาพและระบายสี
การใช้ Brush Tool
1. เสือกสีของพู่กัน
2. เลือกขนาดและลักษณะของหัวพู่กัน
3. กำหนดอ๊อฟชั่นต่าง ๆ (โดยการใช้ F5)
4. คลิกภาพวาดตามที่ต้องการ
ส่วนการใช้ Pencil ก็มีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกับ Brush Tool โดยใช้คิำสั่ง Paint Bucket Tool
1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี
2. Click Mouse ที่ไอคอน
3. Click Mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม
4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย การไล่โทนสีภาพโดยใช้คำสั่ง Gradient Tool
การใช้คำสั่ง Gradient Tool
1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม
2. Click Mouse ที่ไอคอน Gradient Tool
3. Click Mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar
4. Drag Mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่เราต้องการแล้วปล่อยเมาส์ จุดที่เริ่มกดเมาส์
ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น จุดที่ปล่อยเมาส์ถือว่าเป็นจุดปลาย
การแสดงการไล่สี มี 5 รูปแบบ
1. Unear Gradtent Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง
2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม
3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดจามการหมุนของเข็มนาฬิกา
4 Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน
5. Diamond gradient การไล่โทสีแบบประกายแสงของเพชร
5. การสร้างตัวอักษรและข้อความ
การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอักษรศิลปืก็คล้ายกับการพิมพ์ลงในโปรแกรม Word หรือ Excel นั้นแหละ มีการกำหนดฟอนด์อักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อมความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มเปิดไฟลืภาพที่เคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ สังเกตที่มุมขวามือล่างที่พาเล็ต Leyer จะเกิด Leyer ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัวคลิกที่ภาพเมาสืจะกลายเป็นรูเคอเซอร์กระพริบ ให้พิมพ์ตัวอักษรลงไปอะไรก็ได้ ถ้าจะปลี่ยนขนิดตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนด์ตัวอักษณและอื่น ๆ ได้ที่แถบอ๊อฟชั่นบาร์ ด้านบนต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style จามที่ต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ Edit>Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษรเมาส์จะเป็นรูปที่๕ลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากรอบพอประมาณ เมาสืจะกลายเป็นรูป คลิกเมาสืค้างไว้แล้วหมุนกำหนดเอฟเฟ็คต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ตรงที่เราพิมพืข้อความลงไป ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือก พาเล้ต Style เลือกรุปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติม ให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)